HTTPS คืออะไร?
ความแตกต่างระหว่าง HTTP กับ HTTPS
ทำไม HTTPS ถึงกลายเป็นมาตรฐานของเว็บไซต์ยุคปัจจุบัน
วิธีทำงานของ HTTPS: เบื้องหลังการเข้ารหัส
ใบรับรอง SSL คืออะไร? มีแบบไหนบ้าง
ความสำคัญของ HTTPS ต่อ SEO และอันดับใน Google
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ HTTPS ที่หลายคนยังเข้าใจไม่ถูก
วิธีเปลี่ยนเว็บไซต์จาก HTTP เป็น HTTPS อย่างถูกต้อง
HTTPS และ E-Commerce: ความไว้วางใจที่แปลงเป็นยอดขาย
บริการ SSL / Hosting / Security ที่แนะนำสำหรับธุรกิจทุกขนาด
“HTTPS คือ” โพรโตคอลที่ย่อมาจาก HyperText Transfer Protocol Secure เป็นเวอร์ชันที่มีความปลอดภัยของ HTTP ซึ่งเป็นพื้นฐานของการสื่อสารบนเว็บไซต์ที่เราใช้งานอยู่ทุกวัน โดย HTTPS จะ เข้ารหัสข้อมูลที่ส่งผ่านระหว่างเว็บไซต์กับผู้ใช้ เพื่อป้องกันการถูกดักจับข้อมูลระหว่างทาง
หากคุณสังเกตที่แถบ URL ของเว็บเบราว์เซอร์ เว็บไซต์ที่มี HTTPS จะขึ้นว่า “🔒 Secure” หรือ “ปลอดภัย” พร้อมกับชื่อโดเมน
คุณสมบัติ | HTTP | HTTPS |
---|---|---|
การเข้ารหัสข้อมูล | ❌ ไม่มี | ✅ มี |
ความปลอดภัย | ต่ำ | สูง |
เหมาะกับเว็บไซต์ที่เก็บข้อมูลผู้ใช้ | ❌ | ✅ |
การยอมรับโดย Google | ไม่แนะนำ | แนะนำอย่างยิ่ง |
มี SSL Certificate | ❌ | ✅ ต้องมี |
HTTP คือโพรโตคอลมาตรฐานดั้งเดิมในการโหลดเว็บไซต์
HTTPS คือการพัฒนาให้ HTTP ปลอดภัยมากขึ้นโดยใช้ SSL/TLS เข้ามาช่วยเข้ารหัส
เหตุผลที่ HTTPS กลายเป็นสิ่งจำเป็น ไม่ใช่เพราะ “อยากปลอดภัย” อย่างเดียว แต่เพราะมัน สร้างความน่าเชื่อถือในทุกระดับ:
🛡️ ป้องกันข้อมูลรั่วไหล: เช่น ข้อมูลบัตรเครดิต, รหัสผ่าน, หรือข้อมูลส่วนตัว
🔍 Google ให้คะแนน SEO สูงกว่าเว็บไซต์ HTTP
🛒 สร้างความมั่นใจให้ลูกค้าโดยเฉพาะเว็บไซต์ขายของออนไลน์
📈 เพิ่ม Conversion Rate จากความเชื่อมั่น
🧑💼 จำเป็นต่อการทำ Compliance เช่น PDPA, GDPR
เบื้องหลัง HTTPS คือระบบที่เรียกว่า SSL/TLS (Secure Sockets Layer / Transport Layer Security)
เมื่อผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ที่ใช้ HTTPS:
เบราว์เซอร์จะร้องขอ “Public Key” จากเซิร์ฟเวอร์
สร้าง session key แบบเฉพาะกิจ
เข้ารหัสทุกข้อมูลก่อนส่ง
ฝ่ายเซิร์ฟเวอร์จึงถอดรหัสได้ผ่าน “Private Key”
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่เป็นหัวใจสำคัญของความปลอดภัยบนโลกออนไลน์
เพื่อใช้งาน HTTPS จำเป็นต้องมี SSL Certificate ซึ่งออกโดยหน่วยงานที่เรียกว่า CA (Certificate Authority)
ประเภท | รายละเอียด | เหมาะกับใคร |
---|---|---|
DV (Domain Validation) | ยืนยันแค่เจ้าของโดเมน | เว็บไซต์ทั่วไป, Blog, Landing Page |
OV (Organization Validation) | ยืนยันชื่อองค์กร | เว็บไซต์ธุรกิจขนาดกลาง-ใหญ่ |
EV (Extended Validation) | ยืนยันตัวตนเชิงลึก | E-Commerce, สถาบันการเงิน |
Google ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า HTTPS คือหนึ่งในปัจจัยของการจัดอันดับเว็บไซต์ (Ranking Signal) ซึ่งมีผลในหลายด้าน เช่น:
เว็บไซต์ HTTPS โหลดเร็วกว่าในหลายกรณี
User Experience ดีกว่า เพราะแสดงว่า “ปลอดภัย”
ลด Bounce Rate เพราะผู้ใช้ไม่โดนแจ้งเตือนความไม่ปลอดภัย
ได้รับความไว้วางใจจาก Search Engine มากขึ้น
❌ คิดว่า HTTPS แค่มีล็อกกุญแจก็พอแล้ว
✅ ต้องตรวจสอบด้วยว่าใบรับรองนั้นยังไม่หมดอายุ และออกจาก CA ที่น่าเชื่อถือ
❌ HTTPS ช่วยป้องกันการแฮกเว็บไซต์
✅ ไม่ทั้งหมด HTTPS แค่ป้องกันการ “ดักฟังข้อมูล” แต่ไม่ได้กันการ “ถูกแฮกจากเซิร์ฟเวอร์”
❌ แค่เว็บไซต์ขายของเท่านั้นที่ต้องใช้ HTTPS
✅ เว็บไซต์ทั่วไปควรใช้ทั้งหมด เพื่อภาพลักษณ์และอันดับ SEO
ซื้อและติดตั้ง SSL Certificate ผ่านผู้ให้บริการโฮสติ้งหรือ CA
เปลี่ยน URL หลักจาก http:// เป็น https://
ตั้งค่า Redirect 301 จาก HTTP ไปยัง HTTPS ทุกหน้า
อัปเดตลิงก์ภายในเว็บไซต์ให้ใช้ https
ตรวจสอบ Mixed Content (การโหลดไฟล์ผ่าน http ในหน้า https)
อัปเดต Google Search Console และ Sitemap
เว็บไซต์ E-Commerce ที่ไม่มี HTTPS จะถูกขึ้นว่า “Not Secure” บนเบราว์เซอร์ทันที นั่นหมายความว่า:
ลูกค้าอาจปิดหน้าเว็บทันที
อัตราการยกเลิกคำสั่งซื้อสูง
ไม่สามารถใช้ Payment Gateway บางเจ้ารองรับ
การติดตั้ง HTTPS จึงไม่ใช่แค่ “ดีต่อ SEO” แต่ยัง จำเป็นต่อการทำธุรกรรมที่ปลอดภัย
หากคุณกำลังมองหาวิธีเปลี่ยนเว็บไซต์ให้เป็น HTTPS แบบง่ายและปลอดภัย:
🔐 SSL Certificate จากแบรนด์ชั้นนำ: เช่น Sectigo, DigiCert, Let’s Encrypt
💻 บริการ Web Hosting พร้อม HTTPS ฟรี
🛠️ บริการติดตั้ง SSL ครบวงจร + Redirect + SEO audit
🎓 คอร์สเรียนรู้ HTTPS และการป้องกันเว็บเบื้องต้นสำหรับเจ้าของธุรกิจ
"เรียนรู้เทคนิค SEO และการสร้าง Backlink ให้กับเว็บไซต์ของคุณในปี 2025 พร้อมกับการใช้งาน href tag ให้เป็นประโยชน์สูงสุด! อ่านเพิ่มเติมที่ https://turnoffweb.com/ และเริ่มต้นการปรับปรุงเว็บไซต์ของคุณเพื่อเติมเต็มโอกาสในการเจริญเติบโตในอนาคต!"