รู้จักประเภทของ Keyword สำหรับทำ SEO

Keyword หรือ คีย์เวิร์ด คือ คำหรือวลีที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลบน Search Engine เช่น Google, Bing, Yahoo เป็นต้น การทำ SEO ที่ดีนั้น จำเป็นต้องเลือก Keyword ที่เหมาะสมกับเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณการค้นหา (Search Volume) ความเกี่ยวข้องของ Keyword กับเนื้อหาของเว็บไซต์ (Relevance) และการแข่งขันของ Keyword (Competition)

Keyword หรือ คีย์เวิร์ด คือ คำหรือวลีที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลบน Search Engine เช่น Google, Bing, Yahoo เป็นต้น การทำ SEO ที่ดีนั้น จำเป็นต้องเลือก Keyword ที่เหมาะสมกับเนื้อหาของเว็บไซต์ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ปริมาณการค้นหา (Search Volume) ความเกี่ยวข้องของ Keyword กับเนื้อหาของเว็บไซต์ (Relevance) และการแข่งขันของ Keyword (Competition)

ประเภทของ Keyword แบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้

1. Generic Keyword

Generic Keyword เป็น Keyword ที่มีปริมาณการค้นหาสูง มักจะเป็นคำหรือวลีสั้น ๆ ที่มีความหมายกว้าง ๆ เช่น "รองเท้า", "อาหาร", "ท่องเที่ยว", "มือถือ" เป็นต้น เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการดึงดูดผู้เข้าชมจำนวนมาก แต่การแข่งขันสูงมากเช่นกัน

2. Niche Keyword

Niche Keyword เป็น Keyword ที่เฉพาะเจาะจงมากกว่า Generic Keyword มักจะเป็นคำหรือวลีที่ยาวขึ้นและมีความหมายเฉพาะเจาะจง เช่น "รองเท้าวิ่ง", "อาหารญี่ปุ่น", "ท่องเที่ยวเกาหลี", "มือถือ Android" เป็นต้น เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น การแข่งขันน้อยกว่า Generic Keyword

3. Long-tail Keyword

Long-tail Keyword เป็น Keyword ที่เฉพาะเจาะจงที่สุด มักจะเป็นคำหรือวลีที่ยาวมากและมีความหมายเฉพาะเจาะจงมาก เช่น "รองเท้าวิ่งผู้ชาย ราคาไม่เกิน 5,000 บาท", "ร้านอาหารญี่ปุ่นย่านสุขุมวิท", "ทัวร์เกาหลี 3 วัน 2 คืน", "มือถือ Android กล้องหลัง 108 ล้านพิกเซล" เป็นต้น เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงมาก ๆ การแข่งขันต่ำที่สุด

4. Brand Keyword

Brand Keyword เป็น Keyword ที่เกี่ยวกับชื่อแบรนด์ของธุรกิจ เช่น "รองเท้า Nike", "อาหาร McDonald's", "ท่องเที่ยว Agoda", "มือถือ Samsung" เป็นต้น เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการดึงดูดผู้เข้าชมที่รู้จักแบรนด์ของธุรกิจอยู่แล้ว

5. Geo-targeted Keyword

Geo-targeted Keyword เป็น Keyword ที่ระบุถึงสถานที่ เช่น "ร้านอาหารญี่ปุ่น กรุงเทพ", "โรงแรมพัทยา", "ทัวร์เชียงใหม่" เป็นต้น เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่ต้องการดึงดูดผู้เข้าชมที่อยู่ในสถานที่เฉพาะ

6. Navigational Keywords (คำค้นหานำทาง)

คำค้นหาที่ผู้ใช้ใช้เพื่อค้นหาเว็บไซต์หรือหน้าเฉพาะ เช่น "Facebook login" หรือ "Amazon customer service".

7. Informational Keywords (คำค้นหาสำหรับข้อมูล)

คำค้นหาที่ใช้เพื่อค้นหาข้อมูลหรือคำตอบ เช่น "วิธีทำขนมปัง" หรือ "อาการไข้หวัด".

8. Transactional Keywords (คำค้นหาทางธุรกรรม)

คำค้นหาที่บ่งบอกว่าผู้ใช้มีเจตนาที่จะทำการซื้อหรือทำธุรกรรม เช่น "ซื้อ iPhone 12" หรือ "จองตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่น".

9. Commercial Keywords (คำค้นหาทางการค้า)

เป็นคำค้นหาที่มีความคล้ายคลึงกับคำค้นหาทางธุรกรรม แต่มีเจตนาในการวิจัยหรือการเปรียบเทียบก่อนการซื้อ เช่น "รีวิว iPhone 12" หรือ "เปรียบเทียบราคาโรงแรมในกรุงเทพ".

10. Local Keywords (คำค้นหาท้องถิ่น)

คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสถานที่หรือบริการในท้องถิ่น เช่น "ร้านอาหารใกล้ฉัน" หรือ "ร้านตัดผมในบางกอก"

11. Relevant keywords (คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง)

คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องหรือที่เรียกว่าคีย์เวิร์ด LSI (Latent Semantic Indexing) คือคำหรือวลีที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ดหลักแต่ไม่ตรงกันทุกประการ ใช้เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจบริบทของหน้าเว็บและปรับปรุงการจัดอันดับสำหรับการค้นหาที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างเช่น หากคำหลักหลักสำหรับหน้าเว็บคือ "รองเท้าวิ่ง" คำหลักที่เกี่ยวข้องบางคำอาจรวมถึง "รองเท้าวิ่งสำหรับผู้ชาย" "รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิง" "รองเท้าวิ่งสำหรับขาย" และ "รองเท้าวิ่งที่ดีที่สุด"

การเลือก Keyword ที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายในการทำ SEO ของเว็บไซต์ เช่น หากต้องการดึงดูดผู้เข้าชมจำนวนมาก ก็ต้องเลือก Generic Keyword หรือ Niche Keyword ที่มีปริมาณการค้นหาสูง หากต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง ก็ต้องเลือก Niche Keyword หรือ Long-tail Keyword ที่มีปริมาณการค้นหาต่ำ เป็นต้น