การเลือกเครื่องสำรองไฟสำหรับโรงงานขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความต้องการด้านพลังงาน, ขนาดของโรงงาน, และงบประมาณที่มี นี่คือข้อพิจารณาหลักๆ ในการเลือกเครื่องสำรองไฟ:
- ขนาดและความสามารถ (Capacity): ควรประเมินว่าโรงงานของคุณต้องการพลังงานเท่าไรเมื่อเกิดไฟฟ้าดับ นี่รวมถึงการตรวจสอบอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้งานต่อเนื่องและพิจารณาความสามารถของเครื่องสำรองไฟที่สามารถรองรับได้
- ประเภทของเครื่องสำรองไฟ: มีหลายประเภท เช่น เครื่องสำรองไฟที่ใช้แบตเตอรี่, เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซล, หรือแบบที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ เลือกประเภทที่เหมาะสมกับความต้องการและสภาพแวดล้อมของโรงงาน
- ระยะเวลาที่ต้องการสำรองไฟฟ้า จะต้องพิจารณาจากระยะเวลาที่ต้องการให้ไฟฟ้ายังคงทำงานอยู่ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ เช่น 30 นาที 1 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น
- ประเภทของการโหลดไฟฟ้า จะต้องพิจารณาว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการสำรองไฟนั้น เป็นประเภทใด เช่น มอเตอร์ คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
- งบประมาณ: พิจารณางบประมาณที่มีและค่าใช้จ่ายระยะยาว เช่น ค่าบำรุงรักษาและค่าเชื้อเพลิง (สำหรับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า)
- ความน่าเชื่อถือและคุณภาพ: เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความน่าเชื่อถือและมาจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียง เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสำรองไฟจะทำงานได้ดีเมื่อจำเป็น
- บริการหลังการขายและการบำรุงรักษา: ตรวจสอบว่าผู้จำหน่ายมีบริการหลังการขายและการบำรุงรักษาที่ดีหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสำรองไฟจะมีการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมและทำงานได้อย่างต่อเนื่อง
- ความยืดหยุ่นและการขยายตัวในอนาคต: พิจารณาถึงความต้องการเพิ่มพูนในอนาคตและเลือกเครื่องสำรองไฟที่สามารถขยายหรืออัพเกรดได้ตามความต้องการ
โดยทั่วไปแล้ว เครื่องสำรองไฟสำหรับโรงงาน แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
- เครื่องสำรองไฟแบบออนไลน์ (Online UPS) เป็นระบบสำรองไฟที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุด เนื่องจากไฟฟ้าจากเครื่องสำรองไฟจะถูกจ่ายไปเลี้ยงอุปกรณ์ไฟฟ้าโดยตรงตลอดเวลา โดยไม่เกิดการกระชากหรือดับเลยแม้แต่เสี้ยววินาที เหมาะสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความสำคัญสูง เช่น เครื่องจักรหลัก ๆ คอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
- เครื่องสำรองไฟแบบออฟไลน์ (Off-line UPS) เป็นระบบสำรองไฟที่มีราคาถูกกว่าเครื่องสำรองไฟแบบออนไลน์ เนื่องจากไฟฟ้าจากเครื่องสำรองไฟจะถูกจ่ายไปเลี้ยงอุปกรณ์ไฟฟ้าก็ต่อเมื่อไฟฟ้าดับเท่านั้น เหมาะสำหรับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่มีความสำคัญสูง เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป เป็นต้น
สำหรับโรงงานที่มีกำลังไฟฟ้าที่ต้องการสำรองสูง ระยะเวลาที่ต้องการสำรองไฟฟ้านาน และต้องการระบบสำรองไฟที่มีประสิทธิภาพสูง ควรเลือกใช้เครื่องสำรองไฟแบบออนไลน์
ส่วนโรงงานที่มีกำลังไฟฟ้าที่ต้องการสำรองไม่สูง ระยะเวลาที่ต้องการสำรองไฟฟ้าไม่นาน และต้องการระบบสำรองไฟที่ประหยัดค่าใช้จ่าย ควรเลือกใช้เครื่องสำรองไฟแบบออฟไลน์
นอกจากนี้ โรงงานยังสามารถเลือกเครื่องสำรองไฟแบบผสม (Hybrid UPS) ซึ่งเป็นระบบสำรองไฟที่รวมเอาข้อดีของเครื่องสำรองไฟแบบออนไลน์และแบบออฟไลน์เข้าด้วยกัน โดยระบบสำรองไฟแบบผสมจะจ่ายไฟฟ้าจากเครื่องสำรองไฟแบบออนไลน์ไปเลี้ยงอุปกรณ์ไฟฟ้าตลอดเวลา และในกรณีที่ไฟฟ้าดับ ระบบสำรองไฟแบบออฟไลน์จะทำงานแทน เพื่อให้ไฟฟ้ายังคงทำงานอยู่ได้อย่างต่อเนื่อง
การเลือกเครื่องสำรองไฟให้เหมาะสมกับการใช้งานของโรงงานนั้น จะช่วยให้โรงงานสามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นแม้ไฟฟ้าดับ
การตัดสินใจที่ดีควรพิจารณาถึงสถานการณ์และความต้องการเฉพาะของโรงงานของคุณ เพื่อให้ได้เครื่องสำรองไฟที่เหมาะสมที่สุด การปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญหรือวิศวกรไฟฟ้าก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเพื่อช่วยในการตัดสินใจ.
บริษัท ชินโค ไคเซ็น จํากัด เป็นผู้จัดจำหน่าย ให้เช่า ออกแบบ ติดตั้ง
พัดลมอุตสาหกรรม มาตรฐานญี่ปุ่น ยี่ห้อ ONISHI ท่อลม เครื่องเชื่อมอุตสาหกรรม PANASONIC และอุปกรณ์ไฟฟ้าคุณภาพสูงให้กับหลากหลายสาขาอุตสาหกรรม
บริษัทของเรามีสินค้าให้เลือกหลากหลาย เช่น พัดลมอุตสาหกรรม โอนิชิ (Onishi) พัดลมระบายอากาศ พัดลมกันระเบิด พัดลมถังกลม พัดลมท่อ พัดลมโรงงาน พัดลมฟาร์ม ระบบ EVAP พัดลมโบลว์เวอร์ รวมถึง ท่อส่งลม ท่อลมผ้าใบ ท่อลมกระดูกงู ท่อลมดัดได้ ท่อลมคงรูป ท่อดักท์ ถุงกรองฝุ่น และ เครื่องเชื่อม พานาโซนิค (Panasonic)
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม Add Line หรือ โทร. 086-399-4401, 083-777-6813